วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ภาดใต้



ประเพณีการแข่งโพน





จังหวัด พัทลุง
ช่วงเวลา   ลายเดือนสิบ ก่อนประเพณีชักพระ
ความสำคัญ
  วัดต่าง ๆ เตรียมทำบุษบก หุ้มโพน และเริ่มการคุมโพนเพื่อเป็นการประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่าทางวัดจะจัด
ให้มีการชักพระ ต่อมามีการโต้เถียงเกี่ยวกับเสียงโพน จึงคิดเล่นสนุกสนานมากขึ้น มีการท้าพนันกันบ้างว่า 
ผู้ตีโพนคนใดเรี่ยวแรงดีที่สุด ลีลาท่าทางการตีดีที่สุด โพนวัดใดเสียงดังมากที่สุด จึงมีการแข่งขันตีโพน
กันขึ้น ในระยะ แรก ๆ เข้าใจว่าคงตีแข่งขันภาย
ในวัดและค่อยขยายออกมาภายนอกวัด เพิ่มจำนวนโพนขึ้น        จัดประเภทและมีกติกามากขึ้น การคิดเล่นสนุกสนานเหล่านี้ทำให้มีการแข่งโพนกันอย่างกว้างขวางในระยะหลัง และกลายเป็นประเพณีท้องถิ่นที่
สืบต่อกันมา ปัจจุบันการแข่งโพนเป็น กิจกรรมการละเล่นที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง

พิธีกรรม 

  ารแข่งโพนแบ่งได้เป็น ๒ อย่าง คือ
   ๑. แข่งมือ ตัดสินให้ผู้ตีที่มีกำลังมือดีกว่าเป็นฝ่ายชนะ โดยให้ตีจนผู้ใดอ่อนล้าก่อนเป็นฝ่ายแพ้ ปัจจุบัน

ไม่นิยมเพราะทำให้เสียเวลามาก
   ๒. แข่งเสียง ตัดสินให้โพนที่มีเสียงดังกว่าเป็นฝ่ายชนะ การแข่งขันจะเป็นแบบพบกันหมดหรือแพ้คัด
ออกก็ได้ จับสลากแข่งขันเป็นคู่ ๆ ใช้ผู้ตีฝ่ายละ ๑ คน กรรมการ ๓ - ๕ คน ตัดสินให้คะแนน โดยอยู่ห่าง
จากสถานที่ตีไม่น้อยกว่า       ๑๕๐ เมตร ณ สถานที่ตี กรรมการควบคุมการตีและคุมเวลาเรียกคู่โพนเข้า
ประจำที่ ลองตีก่อนฝ่ายละประมา  ๓๐ วินาทีเพื่อดูว่าโพนฝ่ายใดมีเสียงทุ้ม และโพนฝ่ายใดมีเสียงแหลม 
จากนั้นเริ่มให้ทั้งคู่ตีพร้อมกันภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งโดยมากจะใช้เวลา ๑๐ - ๑๕ นาที ขณะที่โพน
กำลังตีแข่งขันอยู่นั้น    กรรมการฟังเสียงทั้งหมดจะตั้งใจฟังเสียงโพนแล้วตัดสินให้โพนที่มีเสียงดังกว่าเป็น
ฝ่ายชนะ โดยถือเอาเสียงข้างมากของกรรมการเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน

สาระ 
     ารแข่งขันโพน นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันกับพิธีการทางศาสนาบางประการแล้ว
กิจกรรมการละเล่นชนิดนี้ยังช่วยให้มองเห็นการแสวงหาความสุข    ความบันเทิงใจ อีกทั้งยังเป็นสื่อใน
การประสานความสัมพันธ์ทางสังคม ทำให้ชาวบ้านมีโอกาสพบปะสัมพันธ์กัน เป็นกิจกรรมการละเล่นที่
สำคัญนำมาสู่การสร้างสรรค์ ความสามัคคีในชุมชน จึงควรอนุรักษ์ให้ การละเล่นชนิดนี้คงอยู่ตลอดไป
อ้างอิง : http://personal.swu.ac.th/students/hm471010130/web/page21.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น