วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ภาคเหนือ



ประเพณีสงกรานต์





จังหวัด เชียงใหม่
ช่วงเวลา วันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ของทุกปี
ความสำคัญ
าวล้านนาให้ความสำคัญวันปีใหม่เมืองมากเพราะถือว่าเป็นการแสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อ
พุทธศาสนา แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ความสามัคคีและสนุกสนานในหมู่คณะ และยัง
เป็นเทศกาลที่ญาติพี่น้องซึ่งแยกย้ายกันอยู่ตามที่ต่าง ๆ     ได้มีโอกาสกลับมาพบปะสังสรรค์กัน 
จึงนับเป็นการรวมญาติครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี

พิธีกรรม 

วันแรกของงาน คือ วันที่ ๑๓ เมษายน ตามประเพณีพื้นเมืองเรียกว่า      วันสังขานต์ล่อง คือ 
หมายความว่าวันนี้สิ้นสุดศักราชเก่า         ในวันนี้จะได้ยินเสียงยิงปืนจุดประทัดกันแต่เช้าตรู่
 การยิงปืนและการจุดประทัดนี้ มีความเชื่อถือกันแต่โบราณว่า เป็นการขับไล่เสนียดจัญไรต่างๆ 
ให้ล่องไปพร้อมกับสังขาร นอกจากนั้นชาวบ้านก็จะกวาดขยะมูลฝอยตามลานบ้านไปกองไว้แล้ว
จุดไฟเผาเสียและทำความสะอาดปัดกวาดบ้านเรือนให้เรียบร้อย         เก็บเสื้อผ้ามุ้งหมอนผ้าปู 
ที่นอนไปซัก อุปกรณ์ที่ซักไม่ได้ก็นำออกไปผึ่งแดดเสร็จแล้วก็ชำระร่างกายสระผม (ดำหัว) 
ให้สะอาด และมีการแห่พระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองด้วยถัดจากวันสังขารล่อง คือ วันที่ ๑๔ 
 เมษายน เรียกว่า  วันเนา หรือ วันเน่า     ในวันนี้ตามประเพณีถือว่าเป็นวันสำคัญและเป็นมงคล
แก่ชีวิต จะได้ประสบแต่ความดีงามตลอดปี จะไม่ทำอะไรที่ไม่เป็นมงคล เช่นด่าทอ         หรือ
ทะเลาะวิวาทกัน ตอนเช้าต่างก็จะไปตลาดเพื่อจะจัดซื้ออาหารและข้าวของมาทำบุญเรียก 
อีกอย่างหนึ่งว่า วันดา   (คือวันสุขดิบทางใต้)       ตอนบ่ายจะมีการขนทรายเข้าวัดโดยขนจาก
แม่น้ำปิงแล้วนำไปยังวัดที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อก่อเจดีย์ทรายตามลานวัด เจดีย์ที่ก่อขึ้นจะตบแต่งด้วย
ธงทิวสีต่าง ๆ ธงสีนี้ชาวพื้นเมืองเรียกว่า ตุง ทำด้วยกระดาษสี ตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมชายธงและ
รูปร่างต่าง ๆ ติดปลายไม้ อีกชนิดหนึ่งตัดเป็นรูปลวดลายต่าง ๆ ติดปลายไม้เรียกว่า
ช่อ การทานหรือถวายตุงหรือช่อนี้ถือกันว่าเมื่อตาย               (สำหรับผู้ที่มีบาปหนักถึงตกนรก) 
จะสามารถพ้นจากขุมนรกได้ด้วยช่อและตุงนี้ ส่วนการขนทรายเข้าวัดนั้นถือว่าเป็นการทดแทนที่
เมื่อตนเดินผ่านหรือเข้าออกวัด                 ทรายในวัดย่อมจะติดเท้าออกไปนอกวัดเป็นบาปกรรม 
ทางวัดจะได้ใช้ทรายเพื่อประโยชน์ในการสร้างหรือถมลานวัด   เจดีย์ทรายนี้จะทำพิธีถวายทาน
ในวันรุ่งขึ้น และจะมีการปล่อยนกปล่อยปลาอีกด้วย


        ในวันขนทรายนี้ จะมีการเล่นรดน้ำกันและ
เป็นการเล่นอย่าง         สนุกสนานที่สุดวันหนึ่ง
ผู้หญิงจะแต่งกายพื้นเมืองจะนุ่งผ้าซิ่นสวมเสื้อ
แขนยาวทัดดอกเอื้องที่มวยผม    ส่วนผู้ชายจะ
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุด    พื้นเมืองคล้องคอด้วย
ดอกมะลิ ถือขันหรือโอคนละใบใส่น้ำเพื่อรดกัน
อย่างสนุกสนานและขนทรายเข้าวัดด้วยใบหน้า
ยิ้มแย้มแจ่มใสทุก ๆ คนวันที่สามตรงกับวันที่
๑๕ เมษายน เรียกว่า วันพญาวัน จะมีการดำหัว
ซึ่งเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวเมืองเหนือคือ
การนำลูกหลาน ญาติพี่น้อง   ไปขอขมาลาโทษ
(สูมาคาระวะ) ต่อผู้ใหญ่ในตอนเย็น

   วันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ชาวบ้านจะจัดอาหารหวานคาวใส่สำรับไปถวายพระที่วัด เป็นการถวายภัตตาหาร

หรือที่เรียกกันว่า ทานขันข้าว เป็นการถวายทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลถึงญาติพี่น้องบิดามารดาที่ล่วงลับ
ไปแล้วอีกด้วย รวมทั้งถวายเจดีย์ทราย ถวายจ่อตุง ถือว่าเป็นอานิสงส์

สาระ 
   ระเพณีปีใหม่เมือง เป็นประเพณีที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวที มีความเอื้ออาทรต่อกัน     เป็นการ
สร้างความสามัคคีในหมู่พี่น้องและชุมชน ด้วยการร่วมกันทำอาหารคาว - หวาน สำหรับไปทำบุญอุทิศ
ส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับการขนทรายเข้าวัดเพื่อถวายทานเจดีย์ทราย ถวายช่อตุง     รดน้ำดำหัวผู้อาวุโส
ที่เคารพนับถือ ด้วยการร่วมตกแต่งเครื่องสักการะดำหัว            ตลอดจนการสรงน้ำพระพุทธรูปสำคัญ
ประจำเมือง ประจำวัดและประจำบ้าน
อ้างอิง : http://personal.swu.ac.th/students/hm471010130/web/page8.htm

1 ความคิดเห็น: